topic_2_cover.jpg

ปวดหลัง-ปวดไหล่ อาจไม่ใช่เพราะเราแก่… แต่แค่นั่งผิดท่า!
หยุดโทรจองคิวหมอนวดก่อน แล้วมาเช็คท่านั่งประจำของคุณด่วน เพราะสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลัง คอ บ่า และไหล่ อาจมาจากท่านั่งที่ไม่เหมาะสมกับสรีระ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังจนอาจนำไปสู่โรคกระดูกและข้อต่อในภายหลังได้เลยนะ
เช็คเลยว่ามีท่าไหนบ้าง? ถ้าหากเป็นท่าที่คุณนั่งอยู่เป็นประจำละก็ รีบเปลี่ยนโดยด่วน!
1. นั่งหลังค่อม
การนั่งหลังค่อมเป็นสาเหตุหลักๆ ของอาการปวดหลัง บ่า และไหล่เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นท่านั่งที่ยากจะควบคุมและมักเผลอนั่งงอตัวโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือนั่งก้มหน้านานๆ ท่านั่งนี้จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการคั่งของกรดแลคติก (Lactic acid) จึงมีอาการปวดเมื่อยของบริเวณคอ บ่า ไหล่ หลัง รวมถึงสะโพกด้วย หากนั่งหลังค่อมนานจนติดเป็นนิสัยอาจทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือกระดูกคดงอผิดรูป จนอาจต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือกายภาพบำบัดได้เลยทีเดียว
2. นั่งไขว่ห้าง
เป็นท่านั่งยอดฮิตของใครหลายคน เพราะเป็นท่านั่งที่สบายและยังเสริมบุคลิกให้ดูดีมิใช่น้อย แต่หากนั่งท่าไขว่ห้างนานๆ จนติดเป็นนิสัยก็อาจทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากการนั่งไขว่ห้างเป็นการทิ้งน้ำหนักตัวเอนไปที่ก้น ขา และสะโพกด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ลำตัวเอียงและเสียสมดุล กระดูกสันหลังคดงอ รวมถึงเลือดไหลเวียนไม่สะดวก จึงทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามตัว แถมต้นขายังชาและไขมันสะสมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3. นั่งขัดสมาธิ
หลายคนอาจชอบนั่งขัดสมาธิเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ว่าจะนั่งบนพื้นกับโต๊ะพับ หรือเอาขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ แน่นอนว่าหากนั่งนานๆ ย่อมเกิดการการเหน็บชาขึ้นมาได้ เพราะเส้นเลือดบริเวณข้อพับและต้นขาถูกกดทับ โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือมีปัญหาเรื่องกระดูกและข้อต่ออยู่แล้วก็จะยิ่งมีอาการชาและปวดหัวเข่าเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้การนั่งขัดสมาธิเวลาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์จะทำให้นั่งหลังค่อมโดยอัตโนมัติและทำให้มีอาการปวดคอ บ่า และไหล่ได้
4. นั่งเอนกึ่งนอน
หลายคนชอบนั่งท่านี้เพราะเป็นท่าที่ค่อนข้างสบายตัว โดยเฉพาะเวลานั่งดูซีรีย์ อ่านหนังสือ หรือแม้กระทั่งยกโน้ตบุ๊คขึ้นมาทำงานบนตัว ซึ่งอันที่จริงแล้วท่านั่งสบายๆ ท่านี้ก็ทำให้เสียสุขภาพอยู่ไม่น้อย โดยส่วนหน้าอกกับเอวจะแอ่นมาทางด้านหน้า ทำให้น้ำหนักทิ้งลงไปที่หลังส่วนล่าง ทำให้เส้นเอ็นที่ขึงตามแนวกระดูกสันหลัง รวมถึงกล้ามเนื้อถูกยืดออกจากระนาบปกติ จึงเกิดอาการปวดเมื่อยตามตัวและบริเวณหลัง เสี่ยงเกิดเส้นประสาทกดทับและหมอนรองกระดูกเคลื่อนได้
5. นั่งยกไหล่
เป็นอีกท่าหนึ่งที่มักเกิดขึ้นตอนนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะนั่งทำงานหรือนั่งเล่นเกมส์ก็ตาม หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังนั่งยกไหล่อยู่เพราะความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ไม่สัมพันธ์กัน จึงทำให้เวลาใช้เมาส์หรือแป้นพิมพ์ต้องยกไหล่ขึ้นมาสูงกว่าปกติ จนเกิดการเกร็งบ่าและไหล่อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้
6. นั่งทับขา
สำหรับท่านี้เรียกได้ว่าผสมผสานระหว่างท่าไขว่ห้างและขัดสมาธิ โดยการยกขาข้างใดข้างหนึ่งงอขึ้นมาและปล่อยขาอีกข้างเหยียดออกไปเป็นสาเหตุให้เกิดการปวดเมื่อยตามขา เอว และบริเวณสะบักหลัง เพราะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เสี่ยงกระดูกสันหลังและสะโพกคดงอเนื่องจากการลงน้ำหนักท่านั่งที่ไม่สมดุลนั่นเอง
resized_topic_2_photo_copy.jpg

หากใครรู้ตัวว่าเผลอนั่งผิดท่าก็ควรรีบเปลี่ยนท่านั่งโดยด่วน พร้อมยืดและคลายกล้ามเนื้อด้วยท่ากายบริการ หรือท่าโยคะแบบง่ายๆ เป็นประจำ รวมทั้งควรลุกยืนหรือเดินทุก 1-2 ชั่วโมงด้วยนะ แต่หากรู้สึกว่าเริ่มมีอาการปวดมากขึ้น แนะนำให้ทานยาพาราเซตามอลเพื่อลดปวดร่วมด้วย (ก็พวกยาไทลินอล พานาดอล พาราเซต โล บีรามอล ซีตามอล บาคามอล ที่พวกเรารู้จักกันดีนั่นแหล่ะ) ยาพาราเซตามอลไม่เพียงแต่ลดอาการปวดหัว ลดไข้ อย่างที่เคยเข้าใจกันนะ แต่ยังมีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ทั้งคอ บ่า และไหล่ได้ด้วย
ก่อนทานอย่าลืมอ่านฉลากยา ทานให้ถูกขนาด และทานตามเวลา จะได้หายปวดบ่าไวๆ น้าาา
ตรวจสอบเนื้อหาโดย
พญ.ปรารถนา ปันทะ
นายแพทย์ชำนาญการ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.sikarin.com/health/6-%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0...
https://www.sarirarak.com/single-post/2020/07/02/%E0%B8%97-%E0%B8%B2%E0%...
https://www.muangthai.co.th/th/article/sitting-danger