column-number4-photo-cover.png

ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ได้ติดตามข่าวก็คงจะทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่า คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีน Pfizer ในเด็กอายุ 5 – 11 ปี ไปเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งทางราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยเองก็มีคำแนะนำให้ใช้วัคซีนโควิดในเด็กอายุ 5 – 11 ปี ออกมาเพิ่มเติมเช่นกัน (เดิมให้ใช้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป) สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ยังลังเลว่าจะให้เจ้าตัวเล็กฉีดหรือไม่ฉีดดี ใจหนึ่งอยากให้ฉีดเพราะลูกต้องไปโรงเรียน อีกใจหนึ่งก็ยังไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีนว่าจะปลอดภัยแค่ไหน ถ้าอย่างนั้นเราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจกันดูนะคะ
ผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน Pfizer ในเด็ก
การศึกษาวิจัยในสหรัฐอเมริกาและสถานพยาบาล 81 แห่งในสหรัฐอเมริกา สเปน ฟินแลนด์ และโปแลนด์ จำนวนทั้งหมด 3 Phase เมื่อปี 2564 โดยฉีดไฟเซอร์สูตรเด็ก ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มล. เข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกัน 3 – 12 สัปดาห์ พบว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพป้องกันโควิดแบบมีอาการได้ถึง 91% ส่วนผลข้างเคียงมีเล็กน้อยถึงปานกลาง และหายภายใน 1 – 2 วัน อาการที่พบบ่อยสุดคือเจ็บบริเวณที่ฉีด รองลงมาเป็นอาการอ่อนเพลียและปวดศีรษะ แต่ยังไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง ทั้งนี้นักวิจัยยังต้องติดตามผลข้างเคียงในระยะยาวในเด็กกันอีกต่อไป
ผลวิจัยข้างต้นเป็นสิ่งที่เด็กๆ จะได้รับจากวัคซีนโควิด คราวนี้ลองมาดูความเสี่ยงที่เกิดจากโรคโควิดกันบ้างนะคะ เนื่องจากเด็กมีความระมัดระวังน้อยกว่าผู้ใหญ่และยากที่จะทำตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ซึ่งถ้าหากติดเชื้อโควิดขึ้นมา ถึงอาการอาจจะไม่รุนแรงและรักษาหาย แต่หลังหายป่วยแล้วมักมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรค MIS-C ด้วยค่ะ (MIS-C คือโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบของอวัยวะในร่างกาย อาจทำให้ช็อกหรือเสียชีวิตได้แม้สุขภาพจะแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว) คุณพ่อคุณแม่ลองพิจารณาดูนะคะว่า ระหว่างความเสี่ยงจากโรคโควิดกับสิ่งที่จะได้จากวัคซีน อย่างไหนที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์มากกว่ากัน ถ้ายังไม่ให้เจ้าตัวเล็กฉีด จะรอดูไปอีกซักระยะก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตัดสินใจว่าจะให้ลูกฉีดวัคซีนแน่นอนแล้ว งั้นขั้นตอนต่อไปเราต้องรู้ว่า ก่อนและหลังการฉีดวัคซีนนั้นควรเตรียมตัวอย่างไรบ้างนะคะ
- ถ้ายังไม่มั่นใจ อาจปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีน
- เช็กประวัติการแพ้ยาหรือแพ้วัคซีน รวมถึงโรคประจำตัวของลูกก่อนฉีด
- ให้ลูกนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทั้งก่อนและหลังฉีด
- ให้ลูกงดยกของหนัก ไม่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังฉีด
- หลังฉีด ถ้าลูกมีอาการเจ็บ แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อย ใจสั่น หน้ามืดเป็นลม ควรรีบพาไปพบแพทย์
- หลังฉีด ถ้าลูกรู้สึกปวดหัว มีไข้ ให้กินยาพาราเซตามอลตามขนาดยาที่เหมาะสม และเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น ถ้าปวด บวมบริเวณที่ฉีด ให้ประคบด้วยแผ่นเจลเย็นหรือผ้าชุบน้ำเย็น
- อาการอื่นที่อาจพบหลังฉีด แต่จะดีขึ้นเองภายใน 2 – 3 วัน เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- ถ้าลูกเคยติดโควิด และรักษาหายดีมาแล้วอย่างน้อย 3 เดือน ให้ฉีดวัคซีนเพียง 1 เข็ม
เด็กเล็กยังอยู่ในวัยที่ต้องมีพัฒนาการทางร่างกายอีกมาก จึงเป็นธรรมดาที่พ่อแม่จะเป็นห่วงและกังวลต่อสิ่งที่อาจมีผลกระทบต่อร่างกายของลูก ดังนั้นการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับวัคซีนโควิดในเด็กให้ถี่ถ้วนจึงสำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ถูกต้อง และลูกก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดอีกด้วย
ตรวจสอบเนื้อหาโดย
พญ.ปรารถนา ปันทะ
นายแพทย์ชำนาญการ
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.thaipediatrics.org/Media/media-20220104074347.pdf
https://www.medicalnewstoday.com/articles/covid-19-vaccines-for-children...
https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/vaccines/recommendations/child...
https://www.pidst.or.th/A1134.html
https://www.pidst.or.th/A1131.html
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/paediatric-knowledge/after-vaccine-chi...
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/ondemand/%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%...