Skip to main content
Search
Search

หน้าจอก่อปัญหา

header_website.png

no.24_hnaacchkpayhaa-aw.jpg

 

 

โลกในยุคดิจิทัล ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี จะหยิบจับหรือทำอะไรก็ล้วนสะดวกสบายไปหมด เทคโนโลยีมีประโยชน์แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะคะ อย่างการเลี้ยงเด็กถ้าเราปล่อยให้เขาโตมากับสื่อหน้าจอโทรศัพท์มือถือ แท็บเลต หรือโทรทัศน์ ผลเสียที่เกิดตามมาก็คงจะเหมือนอย่างที่เราเห็นกันในข่าวแน่นอนค่ะ ฉะนั้นถ้าหากคุณพ่อคุณแม่มีความคิดที่จะปล่อยลูกน้อยไว้กับหน้าจอนาน ๆ เพื่อให้เขาอยู่นิ่ง ไม่ซนละก็ ลองหันมาเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่นะคะ

สาเหตุเด็กติดหน้าจอและผลเสียที่พ่อแม่ต้องรู้
การที่เด็กติดหน้าจอนั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากคนเลี้ยงดูเป็นหลักค่ะ ลองมาดูกันนะคะว่า ในครอบครัวของเรากำลังเป็นแบบนี้อยู่หรือไม่

  • ขาดความรัก ความเอาใจใส่ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันภายในครอบครัว
  • พ่อแม่มัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนไม่มีเวลาให้ลูก หรือทิ้งลูกไว้ให้ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงดู
  • พ่อแม่ติดหน้าจอเสียเอง จึงเป็นตัวอย่างให้ลูกเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ
  • เลี้ยงดูแบบตามใจ ไม่กล้าตักเตือนห้ามปราม เพราะกลัวลูกร้องไห้ หรือคิดเองผิด ๆ ว่าการที่เด็กเล่นอุปกรณ์เหล่านี้ได้แสดงว่าฉลาด
  • ให้เด็กอยู่กับหน้าจอ เพราะไม่ซน อยู่กับที่ได้ ควบคุมดูแลง่าย พ่อแม่สามารถทำกิจกรรมหรืองานบ้านอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องพะวง

ความจริงเด็กเป็นวัยที่ต้องมีพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางสมอง กล้ามเนื้อ อารมณ์ และการสื่อสาร แต่ถ้าพวกเขามัวแต่นั่งดูจอนาน ๆ พัฒนาการเหล่านี้ก็อาจหยุดชะงัก จนส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ดังนั้นหากลูกมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบหาทางแก้ไขนะคะ

  • ขาดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ไม่สนใจสิ่งรอบตัว ไม่เล่น ไม่พูดคุย ไม่มองหน้าใคร มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน
  • ก้าวร้าว ขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย แสดงอาการไม่พอใจเมื่อถูกห้ามเล่น
  • ไม่ชอบเคลื่อนไหว เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ดูจอทั้งวัน ร่างกายจึงใช้พลังงานน้อยมาก ทำให้เฉื่อยชา อ่อนแอ ติดโรคง่าย และยังเสี่ยงต่อโรคอ้วนด้วย
  • สมาธิสั้น เนื่องจากการดูภาพเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซลล์สมองของเด็กขาดทักษะที่จำเป็นต่อการอ่านวิเคราะห์และการฟังแบบเชื่อมโยง
  • มีปัญหาทางสายตา เนื่องจากการจ้องหน้าจอนานเกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ตาขาดน้ำหล่อเลี้ยง มีอาการระคายเคืองตา หรืออาจมีอาการตาพร่ามองไม่เห็นชั่วคราว กล้ามเนื้อดวงตาเกร็ง สายตาสั้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบประสาทตา เนื่องจากจอรับภาพของประสาทตาของเด็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

 

 

no.24_hnaacchkpayhaa-pic.jpg

 

 

เด็กติดจอแก้ไขได้หากพ่อแม่จริงจัง
การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดควรเริ่มต้นที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งต้องอาศัยความตั้งใจ และพยายามจูงใจเด็กให้สนใจกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง รวมถึงสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดูนะคะ แล้วปัญหาทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น

  • หากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกับลูกได้ เช่น ให้ช่วยงานบ้านเท่าที่ลูกทำได้ ชวนเล่นนอกบ้าน ไปสัมผัสธรรมชาติ เล่นดินเล่นทราย ปีนป่ายในสนามเด็กเล่น เล่นกีฬา หรือพาไปเที่ยว เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากหน้าจอ
  • ไม่ให้เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ ดูหน้าจอทุกชนิด (เมื่อลูกร้องไห้โวยวายต้องไม่ตามใจ) ส่วนเด็กโตต้องเล่นโดยมีพ่อแม่คอยกำกับดูแล
  • พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่ก้มหน้าดูแต่จอ
  • อ่านหนังสือให้ลูกฟังบ่อย ๆ หรือหาเกมที่ช่วยเสริมสร้างทักษะต่าง ๆ มาเล่นกับลูก
  • สร้างสายสัมพันธ์ครอบครัวให้แน่นแฟ้น หมั่นดูแลเอาใจใส่ ไม่ละเลย ไม่ทอดทิ้งลูกมีเวลาคุณภาพให้ลูก อยู่กับลูกเสมอเมื่อเขาต้องการ

ถึงแม้สื่อหน้าจอจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต เพราะลูกต้องเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อให้เท่ากันการเปลี่ยนแปลงของโลก แต่การปล่อยให้ลูกใช้จอก่อนวัยอันควร ก็จะยิ่งทำให้พัฒนาการของเขาถูกฉุดรั้งลงเรื่อย ๆ ดังนั้นเพื่อให้ลูกมีสุขภาพและพัฒนาการที่ดี เติบโตขึ้นมาเป็นคนมีคุณภาพ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องคอยเอาใจใส่และปกป้องลูกให้ห่างไกลจากหน้าจอก่อนวัยอันควรนะคะ

บทความนี้ตรวจสอบความถูกต้องโดยแพทย์ชำนาญการ